ศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมืองได้จัดงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการ ในหัวข้อ “กรุงเทพฯ เมืองเดินได้ ?” ในวันอังคารที่ 2 ธันวาคม 2557
วัตถุประสงค์
งานสัมมนาเชิงปฏิบัติการจัดขึ้นเพื่อรวบรวมความคิดเห็นจากตัวแทนภาคส่วนต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการเดินในพื้นที่เมืองเพื่อใช้เป็นแนวทางการเปลี่ยนแปลงให้กรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นเมืองเดินดีซึ่งการสัมมนาฯ ครั้งนี้
ผู้เข้าร่วม
การจัดสัมมนาในครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมเป็นตัวแทนจากภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ภาคการศึกษา และภาคสื่อมวลชน
ผลการดำเนินงาน
ผลจากการสัมมนาสามารถสรุปได้ดังนี้
ประเด็นที่ 1 สภาพปัญหาและความเป็นไปได้ในการพัฒนากรุงเทพฯ เมืองเดินดี
ปัจจัยที่ทำให้คนกรุงเทพฯ ไม่เดิน แบ่งออกเป็น 2 ปัจจัยได้แก่ ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม และ ปัจจัยด้านวัฒนธรรม ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมอาทิ คุณภาพของวัสดุและความต่อเนื่องของทางเดินเท้าต่ำกว่ามาตรฐาน มลภาวะทางอากาศเสียงและอากาศที่ไม่เหมาะแก่การเดิน ทางเท้าไม่มีความปลอดภัย และขาดสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการเดิน เช่น ร้านค้า ร่มเงาต้นไม้ รวมถึงขาดการเชื่อมต่อกับระบบขนส่งมวลชน ส่วนปัจจัยด้านวัฒนธรรมนั้น ได้แก่ ความนิยมใช้รถยนต์ส่วนตัวในการเดินทางเพื่อความสะดวกสบายและการขาดกิจกรรมที่ส่งเสริมการเดินเท้า สำหรับปัจจัยด้านนโยบาย ได้แก่ การที่ภาครัฐให้ความสนใจกับการพัฒนาถนนมากกว่า และการขาดการออกแบบทางเท้าที่ดี
ปัจจัยที่จะทำให้คนกรุงเทพฯ เดิน แบ่งได้เป็น 3 ด้านคือ ด้านกายภาพ ควรให้มีการออกแบบปรับปรุงคุณภาพทางเท้า และสร้างความเชื่อมต่อกับระบบขนส่งมวลชนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ในด้านวัฒนธรรม ควรเน้นให้มีการสร้างความตระหนักให้คนกรุงเทพฯ เห็นคุณค่าของการเดิน และสร้างนิสัยรักการเดิน ส่วนในด้านนโยบายควรมีการปลุกกระแสความนิยมการเดิน การสนับสนุนสำหรับการเดินในบางพื้นที่ และริเริ่มโครงการนำร่องกับประชาชนบางกลุ่ม
ประเด็นที่ 2 การกำหนดพื้นที่ยุทธศาสตร์การพัฒนาต้นแบบกรุงเทพฯ เมืองเดินดี
พื้นที่ที่ผู้เข้าร่วมสัมมนาฯกล่าวถึงมากที่สุด สามลำดับแรก คือ
1. พื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์
2. ย่านสยามสแควร์-ราชประสงค์
3. ย่านสีลม ศาลาแดง
ประเด็นที่ 3 การพิจารณายุทธศาสตร์และแนวทางความร่วมมือการพัฒนากรุงเทพเมืองเดินดี
ผู้เข้าร่วมสัมมนาฯ มีความเห็นตรงกันว่า ในระดับเมืองต้องได้รับการสนับสนุนจากทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน ในการพัฒนาการเดินเท้าให้เป็นที่นิยมควรออกกฎหมายคุ้มครองความปลอดภัยในการเดินเท้า และสร้างการเชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชนให้มีประสิทธิภาพ ในระดับย่านหรือชุมชนควรสนับสนุนการเดินเพราะเป็นการส่งเสริมให้มีการพบปะสังสรรค์ของคนในเมืองมากขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิดความปลอดภัย และเป็นประโยชน์ต่อย่านและชุมชน และในระดับพื้นที่ควรส่งเสริมความปลอดภัยจากยานพาหนะต่างๆ สร้างความร่มรื่นในการเดินเท้าด้วยต้นไม้ จัดให้มีแสงสว่างที่เหมาะสม และมีการจัดระเบียบการค้าบนทางเท้า
นอกจากนี้ผู้เข้าร่วมการสัมมนาฯ เสนอให้มีการสร้างกระแสผ่านกิจกรรม การรณรงค์ หรือการโฆษณาประชาสัมพันธ์ เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและทัศนคติให้คนทั่วไปสนใจในการเดินมากขึ้น ผ่านสังคมออนไลน์ หรือการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมการเดินที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย เช่น การเดินท่องเที่ยว การเดินในละแวกบ้าน การปิดพื้นที่บางส่วนของเมืองให้เป็นพื้นที่สำหรับการเดินอย่างเดียว เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีความเห็นให้มีการปรับปรุงพื้นที่นำร่อง เพื่อเป็นเครื่องมือให้ประชาชนทั่วไปสนใจในการพัฒนาพื้นที่เมืองให้เอื้อต่อการเดินเท้าด้วย